ก่อนเปิดห้อง

ห้องเก็บของสำหรับผม ก็คล้ายๆเป็นที่เก็บความทรงจำมากมายหลายอย่าง ของที่ยังใช้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ของที่เสียที่ชำรุดแล้ว แต่มีค่ามากกว่าที่จะทิ้งมันไป ของเก่าๆที่ไม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รูปภาพ ม้วนเทปเพลงที่เคยแต่งเคยบันทึกไว้ง่ายๆ นานจนลืมไปแล้วว่ามีกี่เพลง เพลงอะไรบ้าง จดหมาย สมุดบันทึกในช่วงชีวิตต่างๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมากมายที่ครอบครัวผมเองก็ยังไม่เคยรู้ นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปดูมันเลย ลองเข้าไปดูกับผมมั้ย?

*ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพประกอบเรื่องราวทั้งหลายมา ณ.ที่นี้ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบปกอัลบั้มต่างๆ ทั้งภาพที่พี่ๆศิลปินส่งมาให้ ภาพเก่าที่บราเธอร์ , มาสเตอร์ หรือเพื่อนเก่าๆได้ถ่ายเอาไว้ ใครเป็นคนถ่ายบ้างก็ไม่รู้มั่วไปหมด รูปภาพที่มีผม ผมไม่ได้ถ่ายเองอยู่แล้ว แม้บางภาพจะเป็นกล้องและฟิล์มของผมเองก็ตาม


วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

พาราณสี ออเคสตรา (ตอนที่1)

(พ.ศ. 2542)



เย็นวันศุกร์ ปลายปีพ.ศ.2541 ผมเดินทางฝ่ารถติดไปยังถนนสุขุมวิท จุดหมายปลายทางคือ ซอย8 ที่ตั้งสำนักงานนิตยสาร บันเทิงคดี ของบริษัท ไมล์สโตน ตอนนั้นเป็นเวลา 6โมงเย็นพอดิบพอดี ผมคิดในใจว่าคงไม่มีใครอยู่รอแล้ว เพราะเลยเวลาเลิกงานมาพอสมควร ผมและเพื่อน(อดีตภรรยา)รีบเดินจ้ำจากที่เราจอดรถอยู่กลางซอยเพื่อมาให้ถึงบริเวณปากซอยให้เร็วที่สุด ในมือถือถุงผ้าดิบซึ่งด้านในใส่แฟ้มประวัติ แผนงาน รูปภาพ เทปเพลงตัวอย่างของผมมาด้วย คิดอยู่ในใจว่า ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายกับความฝันลมๆแล้งๆในการเป็นศิลปินออกอัลบั้มกับเขาสักชุด

ก่อนหน้านั้น ผมเคยนำเทปเพลงตัวอย่างนี้ไปเสนอกับ โซนี่มิวสิค โดยคุณก๊อป ทีโบน เป็นผู้รับเรื่องพิจารณา ผ่านไปสองสัปดาห์ได้คุยกับคุณก๊อปอีกครั้ง คุณก๊อปบอกว่า “สนใจนะ แต่ไม่เหมาะกับค่าย วันหนึ่งคงได้ร่วมงานกัน เพลงคุณดี” ทำให้ตัวผมเองคิดว่าเพลงรูปแบบนี้คงยากที่จะมีคนสนใจ ตอนนั้นผมถอดใจแล้ว

วันหนึ่งผมได้พบกับน้องสาว(น้องสาวของผมทำงานอยู่ช่อง3)ที่บ้านแม่ ผมเอาเทปตัวอย่างนี้เปิดให้น้องสาวฟัง น้องของผมบอกว่า “เพลงแบบนี้มันดีนะ แต่ค่ายทั่วไปเขาไม่สนหรอกมันไม่ตลาด ทำไมถึงไม่ลองไปเสนอที่ค่ายของพี่ มาโนช พุฒตาล ดูล่ะ” ด้วยความที่น้องสาวผมเคยไปทำข่าวบันเทิงที่ไมล์สโตนในสมัยนั้น และได้รับแจกเทปเพลงอัลบั้มต่างๆมา ผมบอกกับน้องของผมว่า ก็เคยคิดนะ แต่ศิลปินของค่ายนี้ เนื้อหาลึกทุกคน ไม่มีPopเลย(นั่น...ผมยังคิดว่างานของผมเป็นแนวPopอยู่) โดยเฉพาะงานส่วนตัวของพี่ซัน มาโนช เอง แกจะมองงานของเฮีย(สรรพนามแทนตัว เวลาคุยกับน้อง)หรือ? น้องสาวว่า ไม่ลองเสียหน่อยล่ะ



ผมโทรศัพท์ไปที่ไมล์สโตนโดยค้นเบอร์โทรจากปกเทปและหนังสือบันเทิงคดี มีคนรับสายผมดีใจมาก พูดผิดๆถูกๆเลยล่ะ สรุปใจความว่าทางบริษัทก็รับเทปตัวอย่างอยู่เรื่อยๆ แต่ให้ดูว่างานของเราเป็นแนวทางแบบที่บริษัทต้องการหรือไม่ กลัวผมจะเสียเวลาคาดหวัง ผมตอบรับสั้นๆ “ครับ” คิดในใจว่า นี่ล่ะครั้งสุดท้าย เฮือกสุดท้ายแล้ว

ผมไปยืนรออยู่หน้าบริษัทสักอึดใจ เห็นพี่ซันเอาค้อนตอกนู่นตอกนี่อยู่ สักพักแกก็ออกมารับถุงผ้าดิบที่ข้างในมีอะไรเยอะแยะไปหมดของผมด้วยตัวของแกเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส “เสียงพูดของแก เหมือนในทีวีเปี๊ยบเลย” ผมคิด หนึ่งในฮีโร่ของผมยืนคุยอยู่กับผมห่างกันไม่ถึงเมตร ตื่นเต้นจนจับใจความอะไรไม่ค่อยได้หรอกครับ รู้แต่ประโยคสุดท้ายพี่ซันบอกว่า “ประมาณ15วันนะครับ ถ้าไม่โทรไปแสดงว่าไม่ได้ ถ้าได้ผมจะเป็นฝ่ายโทรไปเอง

ผมกลับไปบ้าน รอ...รอ...รอ...วันจันทร์มีโทรศัพท์มาที่บ้าน ผมรับสายได้ยินเสียงปลายทางแทบลมจับ “สวัสดีครับ ขอสายคุณชัยวัฒน์ครับ ผมชื่อ มาโนช จะโทรมานัดคุยว่าเราจะทำยังไงกันต่อไปเกี่ยวกับเพลงชุดนี้ดี” นัดแนะกันเรียบร้อย พอวางสายเท่านั้นล่ะครับ ผมตะโกนเหมือนคนบ้า วิ่งไปรอบๆบ้าน ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ “มีคนเห็นแล้ว มีคนเห็นแล้ว” ผมมารู้จากปากของพี่ซันหลังจากทำอัลบั้มเสร็จแล้วว่า เย็นวันศุกร์วันนั้น พอผมลากลับ แกก็เข้าไปเปิดเทปเพลงของผมฟังเลย จะโทรหาก็ค่ำแล้ว เสาร์ อาทิตย์คงเป็นวันครอบครัว เลยโทรหาผมวันจันทร์ แกว่าเพลงแบบนี้ กลิ่นBeatlesแบบนี้ แปลกดี ยังไม่มีใครทำ.