ก่อนเปิดห้อง

ห้องเก็บของสำหรับผม ก็คล้ายๆเป็นที่เก็บความทรงจำมากมายหลายอย่าง ของที่ยังใช้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ของที่เสียที่ชำรุดแล้ว แต่มีค่ามากกว่าที่จะทิ้งมันไป ของเก่าๆที่ไม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รูปภาพ ม้วนเทปเพลงที่เคยแต่งเคยบันทึกไว้ง่ายๆ นานจนลืมไปแล้วว่ามีกี่เพลง เพลงอะไรบ้าง จดหมาย สมุดบันทึกในช่วงชีวิตต่างๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมากมายที่ครอบครัวผมเองก็ยังไม่เคยรู้ นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปดูมันเลย ลองเข้าไปดูกับผมมั้ย?

*ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพประกอบเรื่องราวทั้งหลายมา ณ.ที่นี้ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบปกอัลบั้มต่างๆ ทั้งภาพที่พี่ๆศิลปินส่งมาให้ ภาพเก่าที่บราเธอร์ , มาสเตอร์ หรือเพื่อนเก่าๆได้ถ่ายเอาไว้ ใครเป็นคนถ่ายบ้างก็ไม่รู้มั่วไปหมด รูปภาพที่มีผม ผมไม่ได้ถ่ายเองอยู่แล้ว แม้บางภาพจะเป็นกล้องและฟิล์มของผมเองก็ตาม


วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

พาราณสี ออเคสตรา (ตอนที่2)


หลังจากที่นัดคุยแนวทางของเพลง และแผนการทำงาน(ที่คิดเอาไว้ใหญ่มาก) เราก็ทยอยค่อยๆเริ่มกันไปทีละนิดทีละหน่อย จากการติดต่อเชิญศิลปินนักพูด นักร้อง นักดนตรีท่านอื่นๆที่ผมอยากร่วมงานด้วยหลายๆท่าน ซึ่งพี่ซันก็นึกสนุกไปกับผมด้วย ทุกวันนี้เวลาคุยให้ใครๆฟังแกยังพูดกลั้วหัวเราะ “ผมก็บ้าไปกับมันด้วย”



จากซ้าย  พี่จู๊ด  วุธ  พี่ซัน  ใบไม้  พี่ต๊อด  ผม  พี่ตุ้ย

พี่ต๊อด วรรณยศ มิตรานนท์ (กลอง)
ทีแรกในแผนของผม ผมคิดถึงมือกลองคือ สู เพราะผมพอจะรู้จักกับสู แล้วตอนนั้นสูก็โด่งดังจากการเป็นมือกลองบันทึกเสียง พี่ซันบอกว่าเพลงซาวด์เก่าๆแบบนี้แกรู้จักมือกลองอยู่คนหนึ่งเป็นมือห้องอัดเหมือนกัน ชื่อพี่ต๊อด ตีกลองมานาน สนิทกันเป็นการส่วนตัว น่าจะเหมาะกับงานนี้มากกว่า ผมคุ้นชื่อพี่ต๊อดในปกเทปอัลบั้มต่างๆมาตั้งแต่เด็ก กับวงInfinity  งานเดี่ยวพี่เล็กคาราบาว ฯลฯ ซาวด์และลูกเล่นกลองแบบยุคเก่า ผมเห็นด้วยกับพี่ซันทันที เรานัดกันขับรถไปที่พัทยาร้านที่พี่ต๊อดเล่นประจำอยู่ เพื่อชักชวนและทิ้งเทปตัวอย่างไว้ให้พี่ต๊อดฟัง ขาไปผมพูดถึงความกังวลให้พี่ซันฟังว่า พี่ต๊อดจะมาตีกลองให้เด็กที่ไม่รู้จักกันแบบผมหรือ เพลงอะไรก็ไม่รู้ พี่ซันว่า “แกน่าจะยินดีนะ แกนิสัยดี ไม่ถือตัว” พอเจอตัวจริงได้นั่งคุยกัน ผมคลายความกังวลไปเยอะ พี่ต๊อดให้ความเป็นกันเองอย่างสูงสุด
ขากลับ ผมขับ wanderer ของผมฝ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา มองทางข้างหน้าเกือบไม่เห็น ทำเอาพี่ซันต้องบอกว่า “ช้าๆหน่อยก็ได้ตั้น ฝนขนาดนี้ยังขับร้อยกว่าอีกเหรอ”



พี่พิทักษ์ ศรีสังข์ (เบส)
ตอนนั้นไม่มีมือเบสในหัวเลย รู้แค่ว่าอยากได้ซาวด์แจ็สเบสเฟนเดอร์รุ่นเก่าๆ หรืออาจจะต้องหาเบสรุ่นใกล้ๆกันนั้นเพื่อบันทึกเสียงเองเสียแล้ว แต่ด้วยผมเลิกเล่นดนตรีไปหลายปี(ร่วม6ปี)จึงไม่มั่นใจตัวเองเลย ปรึกษาพี่ซัน แกบอกว่ามีเพื่อนที่มีเบสรุ่นนี้อยู่แล้วก็เล่นเบสดีเสียด้วยสนใจไหม? ผมถามว่าใคร แกบอก พิทักษ์ ศรีสังข์ (โหหหหห ผมคิดในใจ) ได้มือเบสระดับนี้มาบันทึกเสียงให้ ผมจะปฏิเสธได้อย่างไร พี่พิทักษ์เล่นเบสแบบเคารพต้นฉบับ โน้ตต่อโน้ต พอบันทึกเสียงเสร็จพี่แกบอกกับผมว่าตั้งแต่เล่นบันทึกเสียงให้ไมล์สโตนมา อัลบั้มนี้เล่นเบสสนุกที่สุด ผมภูมิใจมากครับ ค่ำนั้นพี่ซันให้เบิกงบพาพี่พิทักษ์ไปเลี้ยงมื้อเย็นที่13เหรียญ รัชดาซอย18 ผมนั่งดื่มและคุยกับพี่พิทักษ์เป็นที่สนุกสนาน



พี่ชีพชนก ศรียามาตย์ (อคูสติก กีตาร์)
เรื่องอคูสติก กีตาร์ ผมนึกถึงพี่เขาเป็นอันดับแรก ไลน์กีตาร์โปร่งที่ผมคิดไว้ในเพลง ธรรมชาติ นั้นยากทีเดียว สำคัญคือเมื่อยนิ้วมาก ณ.ตอนนั้นถ้าผมบันทึกเสียงเองคงไม่รอด คนเลิกเล่นดนตรีมาหลายปี แรงนิ้วไม่มีหรอกครับ พี่ซันโทรศัพท์ติดต่อ พี่ชีพชนกโอเค



พี่พงษ์ศักดิ์ ภูววีรานนท์ (ไนลอนสตริง กีตาร์)
เพลง สายเกินไป ผมแต่งด้วยกีตาร์สายเอ็น เพราะอยากได้ซาวด์นุ่มๆ เศร้าๆ ส่วนในเรื่องการบันทึกเสียงก็เหมือนเดิมครับ คนนิ้วอ่อนจากการเปลี่ยนชีวิตไปทำงานออฟฟิศในขณะนั้นแบบผม ให้มืออาชีพที่เล่นประจำๆอยู่แล้วบันทึกเสียงให้ดีกว่า ตามโน้ตและตำแหน่งบนคอกีตาร์ที่ผมออกแบบไว้ เสียงออกมาเพราะมาก ก็พี่เขาอยู่ทีม บัตเตอร์ฟลาย นี่ครับ



สราวุธ แสงบุตร (กีตาร์ 12 สาย)
วุธ ช่วงนั้นเจอกันเป็นประจำทุกวัน ผมเลยให้วุธช่วยเล่นกีตาร์12สายในเพลง ฉันยังอยู่ เพราะพูดจริงๆเลยก็คือ ผมไม่เคยเล่นกีตาร์12สายมาก่อนในชีวิต ลองจับๆดูของพี่ซัน ตอนที่แกยกมาให้วุธใช้บันทึกเสียงเพลงนี้ ผมว่าผมคิดถูกแล้วล่ะ - -‘



อัยย์ วีรานุกูล

ผมเป็นแฟนเพลงของ อัยย์ ผมว่าเสียง อัยย์ มีเสน่ห์นะ จำได้ว่าพี่ซันพาผมลุยเข้างานเปิดตัวศิลปินใหม่ของโซนี่ แถวๆย่านห้างเมโทรประตูน้ำ เพื่อไปคุยกับอัยย์ แล้วพี่ซันก็เดินไปคุยกับคุณ ปีเตอร์ กัน บอสใหญ่โซนี่มิวสิคในขณะนั้น ผลปรากฏว่าทั้งคู่ยินดี ผมจึงได้ อัยย์ มาใส่เสียงในเพลง คนดี(Partll) และ คานธี.