ก่อนเปิดห้อง

ห้องเก็บของสำหรับผม ก็คล้ายๆเป็นที่เก็บความทรงจำมากมายหลายอย่าง ของที่ยังใช้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ของที่เสียที่ชำรุดแล้ว แต่มีค่ามากกว่าที่จะทิ้งมันไป ของเก่าๆที่ไม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รูปภาพ ม้วนเทปเพลงที่เคยแต่งเคยบันทึกไว้ง่ายๆ นานจนลืมไปแล้วว่ามีกี่เพลง เพลงอะไรบ้าง จดหมาย สมุดบันทึกในช่วงชีวิตต่างๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมากมายที่ครอบครัวผมเองก็ยังไม่เคยรู้ นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปดูมันเลย ลองเข้าไปดูกับผมมั้ย?

*ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพประกอบเรื่องราวทั้งหลายมา ณ.ที่นี้ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบปกอัลบั้มต่างๆ ทั้งภาพที่พี่ๆศิลปินส่งมาให้ ภาพเก่าที่บราเธอร์ , มาสเตอร์ หรือเพื่อนเก่าๆได้ถ่ายเอาไว้ ใครเป็นคนถ่ายบ้างก็ไม่รู้มั่วไปหมด รูปภาพที่มีผม ผมไม่ได้ถ่ายเองอยู่แล้ว แม้บางภาพจะเป็นกล้องและฟิล์มของผมเองก็ตาม


วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 22 (วัยใส)

ยอมทำทุกอย่าง ตะเกียกตะกาย

ตะกายดาว อัลบั้มรวมเพลงประกอบละคร(รวมศิลปิน) คืองานต่อมาที่ผมได้รับมอบหมายให้แกะเพลงทั้งอัลบั้มเพื่อแสดงแค่ครั้งเดียว ถ่ายทอดสดทาง ททบ.5โลกดนตรี จากนั้นงานประเภทแกะเพลงเพื่อแสดงโชว์เดียวก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ พบกับศิลปินมากมายท่านละครั้งเดียวหรืออย่างมากแค่สองครั้ง ล้วนแต่เป็นงานแสดงสดรวมศิลปินทั้งสิ้น* ทั้ง มาช่า พี่นิดอรพรรณ(รับงานเต็มโชว์แทนวงแบ็คอัพประจำของพี่นิดงานหนึ่ง) พี่กบทรงสิทธิ์ พี่ปั่น พี่สุรสีห์ ใหม่เจริญปุระ พี่แท่ง พี่ธเนศ พี่แอม พี่หนุ่ยอำพล(แกะเพลงแล้ว ซ้อมกันเองแล้ว แต่วงแบ็คอัพพี่หนุ่ยที่ทีแรกไม่ว่างเล่นงานนั้น บังเอิญว่างพอดี) พี่มาลีวัลย์ พี่นันทิดา ฯลฯแม้กระทั่ง พี่เบิร์ด(งานสัมมนาของบริษัทFuji ที่พัทยา แต่ถึงเวลาจริงใช้backing track) มีอยู่งานหนึ่งเป็นงานฟรีคอนเสิร์ตรวมศิลปิน จัดแสดงหน้าที่ว่าการกรุงเทพมหานคร รายชื่อเพลง30กว่าเพลง มีเวลาแกะเพลงและซ้อมกันประมาณ10กว่าวัน* ขณะที่ช่วงเวลานั้นยังมีงานประจำกลางคืนที่ทางบริษัทรับมาและส่งพวกเรา(เฉพาะวงแบ็คอัพ)ไปเล่นอีก(ซึ่งบริษัทไม่ผิดนะครับตามหลักความคุ้มค่าจ้างและเงินเดือนที่จ่ายออกมา) เวลานอนไม่มี พื้นที่สมองของผมไร้ช่องว่างที่จะใช้จำอะไรได้อีกแล้ว ตัดสินใจจดทุกอย่างใส่กระดาษและครั้งนั้นนับเป็นงานแรกที่ผมต้องพึ่งขาตั้งกระดาษโน้ตเพลง ซึ่งทำให้ผมเริ่มคิดและตัดสินใจอะไรบางอย่างในใจ


                                                    หน้าToxicผับดังในยุคนั้น เพื่อเล่นประจำตามสัญญาของบริษัท

                                     โรงแรม อโนมา อีกหนึ่งงานประจำยามค่ำคืน (ครั้งแรกพี่อู้ดยกกีตาร์ไปช่วยแจม)

งานใหญ่มีโอกาสผ่านเข้ามือมาอีกหนึ่งอัลบั้ม มอส (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) กับการเป็นศิลปินนักร้องแบบเต็มตัวครั้งแรกของเขา เอ้อเฮอ ผมได้ฟังครั้งแรกจากเทปคาสเซ็ทที่ทางทีมงานcopyมาให้ เพื่อแกะเพลงซ้อม งานนี้สนุกครับ เพลงดี ไลน์กีตาร์สวย เพราะได้พี่สมชาย กฤษณะเศรณี (อดีต The Impossibles)มาเป็นโปรดิวเซอร์ กำหนดการ campusทัวร์ตระเวนแสดงดนตรีตามโรงเรียนมัธยมเยอะมาก ไปกันหลายโรงเรียนเลยครับ ทั้งยังมีการแสดงคอนเสิร์ตถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อีกหลายรายการ ในขณะที่งานกลางคืนยังคงต้องทำตามสัญญา กลางวันซาวด์เช็ค ซ้อม หรือไม่ก็โชว์ (หลายครั้งโชว์เที่ยง ทีมงานนัด7-8โมงเช้า) ตอนนั้นเอง ใจและแรงของผมเริ่มหมดลงแล้ว ผมคิดว่าวันหนึ่ง ถ้าหมดงานอัลบั้มของมอสแล้ว ผมคงลาออกจากบริษัท แต่ความคิดของผมช้ากว่าติ๊ก ติ๊กหัวหน้าวงแบ็คอัพของผมได้นัดแนะกับเพื่อนมือกีตาร์ที่อยู่ต่างจังหวัดของเขาให้แกะไลน์กีตาร์ที่ผมเล่นอยู่ทั้งหมดเพื่อเตรียมเดินทางมาสวมแทน* แล้วjobสุดท้ายของผมก็จบลง เมื่อคอนเสิร์ต ลูกไก่มอส ในอ้อมกอด ณ.MBK Hall ผ่านพ้น.






 *หนึ่งในงานรวมเพลงรวมศิลปินงานหนึ่งคือ คอนเสิร์ต ดีเจใจแตก รวมเหล่าดีเจทั้งหมดในเครือแกรมมี่มาร้องเพลงกันที่ MBK Hall งานนั้นพี่เต็ด ยุทธนา บุญอ้อม เล่นเพลงของตัวเอง ดอกไม้ ที่ภายหลัง พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง นำไปบันทึกเสียงใส่ในอัลบั้ม

*งานนั้นต่างคนต่างแกะเพลงกันไม่ทันหรอกครับ เลยต้องใช้เทคโนโลยีช่วยกันยกใหญ่ ไลน์คีย์บอร์ด เบส กลอง ต้องปล่อยซาวด์สังเคราะห์จากซีเควนเซอร์ออกมาช่วยหลายเพลง ก็ทำท่าทำทางกันไป มีกีตาร์อย่างเดียวที่ทำแบบนั้นไม่ได้ ซาวด์สังเคราะห์ยังทำเลียนเสียงการเล่นและความเป็นธรรมชาติของกีตาร์ไม่ได้

*จริงๆผมไม่เคยรู้มาก่อน แต่สังเกตจากความเงียบผิดปกติภายในวง ผมถาม เล็ก เพื่อนของผม เล็กไม่พูด ผมถาม ป๋วย เพื่อนของผมอีกคน ตื้ออยู่นาน ป๋วยถึงยอมบอก ตอนนั้นพวกเราอยู่หน้าบริษัทพอดี ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปขอลาออกกับพี่อู้ด ถือเป็นการลาออกหลังแผนการไล่ออกในใจของหัวหน้าวงที่ถูกดำเนินการไปแล้ว 2สัปดาห์

“ชีวิต วัยใส หมดลงแต่เพียงเท่านี้ โปรดติดตาม วัยหนุ่ม ในตอนต่อไป”