ก่อนเปิดห้อง

ห้องเก็บของสำหรับผม ก็คล้ายๆเป็นที่เก็บความทรงจำมากมายหลายอย่าง ของที่ยังใช้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ของที่เสียที่ชำรุดแล้ว แต่มีค่ามากกว่าที่จะทิ้งมันไป ของเก่าๆที่ไม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รูปภาพ ม้วนเทปเพลงที่เคยแต่งเคยบันทึกไว้ง่ายๆ นานจนลืมไปแล้วว่ามีกี่เพลง เพลงอะไรบ้าง จดหมาย สมุดบันทึกในช่วงชีวิตต่างๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมากมายที่ครอบครัวผมเองก็ยังไม่เคยรู้ นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปดูมันเลย ลองเข้าไปดูกับผมมั้ย?

*ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพประกอบเรื่องราวทั้งหลายมา ณ.ที่นี้ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบปกอัลบั้มต่างๆ ทั้งภาพที่พี่ๆศิลปินส่งมาให้ ภาพเก่าที่บราเธอร์ , มาสเตอร์ หรือเพื่อนเก่าๆได้ถ่ายเอาไว้ ใครเป็นคนถ่ายบ้างก็ไม่รู้มั่วไปหมด รูปภาพที่มีผม ผมไม่ได้ถ่ายเองอยู่แล้ว แม้บางภาพจะเป็นกล้องและฟิล์มของผมเองก็ตาม


วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รอยแผลแห่งความทรงจำ

พ.ศ.2529

ยอมรับตรงๆว่าผมเป็นพวกต่อต้านการรับน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นที่สุด (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าได้ต่อว่าต่อขานกันเลย) คือผมคิดว่ามันก็แค่ความสนุกของรุ่นพี่บางคนหรือบางกลุ่มเท่านั้น ที่จะได้แสดงอำนาจ ความเหนือกว่าของอายุและชั้นปี บางท่านแค่อยากแกล้ง บางท่านอยากไปเที่ยว บางท่านอยากไปสังสรรค์ บางท่านอยากเหล่หญิงรุ่นน้อง ฯลฯ มากมายหลายเหตุผลเป็นคนคนไป แต่ถึงไม่ชอบก็เลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ขู่สารพัดขู่ เราเป็นรุ่นน้องและมันก็เป็นสิ่งใหม่ในชีวิตที่เราควรจะต้อง กลัว เอาไว้ก่อน

ความทรงจำในครั้งนั้นมันเลือนรางเต็มทน เราไปอยู่กันจังหวัดไหนผมยังจำไม่ได้เลย(ระหว่างที่เขียนนี้ก็พยายามนึกอยู่) รู้แต่ว่าพอลงรถบัสได้ ก็ คลานๆ คลุกๆ วิ่งๆ กลิ้งๆ วิดพื้น มุดซุ้ม ดินโคลนสีแป้ง ดินโคลนสีแป้ง ดินโคลนสีแป้ง ดินโคล... นั่นล่ะครับวนๆไป จากซุ้มหนึ่งไปยังซุ้มหนึ่ง และอีกซุ้มหนึ่ง จนไม่กี่ซุ้มผ่านไปก็เกิดเรื่อง รุ่นพี่ชายท่านหนึ่งให้น้องๆคลานลุยดินที่มีแต่วัชพืช พี่แกจะรู้ไหมหนอว่าวัชพืชหลายพันธุ์มันมีหนาม จริงๆก่อนหน้านั้นผมก็ไม่รู้หรอกครับ มาโดนเอาตอนที่มันตำเข้าไปที่ผ่ามือแล้ว(คาดว่าจะเป็นไมยราบ)ผมทั้งเจ็บทั้งปวดที่แผล ตามคาดครับรุ่นพี่กลุ่มเดียวกันตะโกนว๊ากกก โหวกๆบอกอย่าสำออย “คลานต่อไปคลานต่อไป” ผมยกฝ่ามือขึ้นดูอีกครั้ง เลือดสดๆแดงๆมันเริ่มไหลออกจากแผล ผมเริ่มกลัวความสกปรกจากดินจะนำเชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกาย ผมหยุดและลุกขึ้นรุ่นพี่ท่านนั้นเดินเข้ามาจะเอาเรื่อง ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดา พี่นางฟ้าสาวสวยคนหนึ่งก็เข้ามากันผมไว้ พร้อมกับจับมือของผมแบออก “เลือดไหลนี่” พร้อมกับหันไปบอกเพื่อนรุ่นพี่คนนั้น “น้องเขาเป็นแผล เลือดไหลใหญ่แล้ว พอแล้ว” พูดจบพี่นางฟ้าคนนั้นก็พาผมแยกออกมาเพื่อจัดการใส่ยา และทำแผลให้ผม พี่นางฟ้าใจดีที่ผมพูดถึงอยู่นี้คือ พี่แหม่ม สาว สาว สาว (พัชริดา วัฒนา) ความประทับใจในวันนั้นยังจำได้อยู่จนทุกวันนี้ ขอขอบคุณพี่แหม่มอีกครั้งนะครับ.


*รุ่นพี่ผู้หญิงอีกสองท่านที่ทำให้ผมประทับใจคือพี่เอ้ ชุติมา นัยนา ที่ให้ความเป็นกันเอง คอยแซวผมเล่นอยู่ตลอดทุกครั้งที่เจอหน้ากันในการรับน้องครั้งนั้น อีกคนคือพี่เปิ้ล(ขออภัยลืมชื่อจริง) พี่เปิ้ลจะมารอชวนผมคุยที่ป้ายรถประจำทางหน้าปากซอยบ้าน เพื่อจะเดินทางไปมหาวิทยาลัยตอนเช้าๆด้วยกันอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง