ก่อนเปิดห้อง

ห้องเก็บของสำหรับผม ก็คล้ายๆเป็นที่เก็บความทรงจำมากมายหลายอย่าง ของที่ยังใช้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ของที่เสียที่ชำรุดแล้ว แต่มีค่ามากกว่าที่จะทิ้งมันไป ของเก่าๆที่ไม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รูปภาพ ม้วนเทปเพลงที่เคยแต่งเคยบันทึกไว้ง่ายๆ นานจนลืมไปแล้วว่ามีกี่เพลง เพลงอะไรบ้าง จดหมาย สมุดบันทึกในช่วงชีวิตต่างๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมากมายที่ครอบครัวผมเองก็ยังไม่เคยรู้ นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปดูมันเลย ลองเข้าไปดูกับผมมั้ย?

*ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพประกอบเรื่องราวทั้งหลายมา ณ.ที่นี้ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบปกอัลบั้มต่างๆ ทั้งภาพที่พี่ๆศิลปินส่งมาให้ ภาพเก่าที่บราเธอร์ , มาสเตอร์ หรือเพื่อนเก่าๆได้ถ่ายเอาไว้ ใครเป็นคนถ่ายบ้างก็ไม่รู้มั่วไปหมด รูปภาพที่มีผม ผมไม่ได้ถ่ายเองอยู่แล้ว แม้บางภาพจะเป็นกล้องและฟิล์มของผมเองก็ตาม


วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กินข้าวกันไหม?

สมัยที่ผมเข้าไปเป็นนักดนตรีแบ็คอัพศิลปินของแกรมมี่ใหม่ๆ(พ.ศ.2535) สิ่งหนึ่งที่ต้องทำบ่อยมากๆคือ วิ่งเข้าห้องบันทึกเสียง เปล่าครับไม่ได้รับเกียรติได้อัดไลน์เครื่องดนตรีให้กับศิลปินใหญ่ใดๆทั้งสิ้น แต่ที่ต้องขับรถไปที่ห้องบันทึกเสียงบ่อยๆก็เพราะว่าผมต้องเข้าไปเอาเทปคาสเซ็ทที่โปรดิวเซอร์ของศิลปินท่านนั้นๆได้ถ่ายเสียงเพลงที่มีแต่ภาคดนตรี(ไม่มีเสียงร้อง)ที่เราเรียกกันว่าbacking track มาแจกจ่ายกันภายในวง ให้นำไปแกะเสียงเพื่อทำการฝึกและซ้อมวง

วันหนึ่งพี่อู้ด(สิทธิพร อมรพันธุ์)เจ้านายของผมบอกให้เข้าไปที่ห้องบันทึกเสียงศรีสยาม(ซอยสุทธิพร ห้วยขวาง)เพื่อไปรับเทปคาสเซ็ทbacking track งานอัลบั้ม ก๊อต ช๊อต เย็นวันนั้นผมกับเพื่อนใหม่วงแบ็คอัพเดินทางมาถึงศรีสยามเวลาหกโมงเย็นตามนัด ถามไปถามมาจึงรู้ว่าพี่อู้ดเดินทางมาถึงแล้วและกำลังคุยกับพี่ป๊อก วิชัย อึ้งอัมพร โปรดิวเซอร์ในห้องmix (ห้องไหนผมจำไม่ได้ต้องขออภัย เพราะศรีสยามมีห้องบันทึกเสียงแยกย่อยไปอีกหลายห้อง) พวกเราเปิดประตูเข้าไปสวัสดีผู้ใหญ่ทุกๆท่าน และหลบไปนั่งบนพื้นมุมห้องมุมหนึ่งเพื่อไม่ให้เกะกะการทำงานของพวกพี่ๆเขา รอcopyคาสเส็ทอยู่นานพอสมควร ต่างกลุ่มต่างคุยเรื่องสัพเพเหระ ระหว่างกำลังเพลินๆอยู่นั้นประตูห้องบันทึกเสียงถูกเคาะและเปิดแง้มเข้ามา เสียงพูดทักทายพี่ป๊อกและพี่อู้ดดังมาจากช่องประตูที่ถูกเปิดอ้า ผมจำเสียงนั้นได้แม่น เสียงพี่โอม “โอมเข้ามาสิ” พี่ป๊อกเชื้อเชิญด้วยความสนิท พี่โอมก้าวเข้ามาสองสามก้าวตามคำเชิญ คุยกับพี่ป๊อกอีกสองสามคำแล้วหันมาทางพวกเรา พวกเรายกมือไหว้สวัสดีพี่โอมด้วยความเคารพยิ่ง พี่โอมรับไหว้สักพักก็ชี้นิ้วมาทางผม “อ้าวตั้น ตั้นใช่มั้ย ใช่มั้ย?” ผมตอบรับ “มาทำอะไร เจอโหนกมั้ย เจอโหนกมั้ย?” ผมตอบตามจริงคือผมไม่ได้เจอกับพี่โหนก(มือกลอง อินโนเซ้นท์,เม็ดทราย)เลย คุยกันอีกไม่กี่คำพี่โอมก็ขอตัว พี่อู้ดหันมาถามผมว่า รู้จักโอมด้วยหรือ? ผมก็เล่าความให้ฟังย่อๆถึงอดีตวัยเด็กของผม แกก็พยักหน้ารับรู้ อ๊อด(มือเบสในวง)หันมากระซิบกับผมว่า พี่อู๊ดหันควับมามองผมพักใหญ่ตอนที่พี่โอมทักผม “พี่อู้ดคอเกือบหักแน่ะ”แล้วอ๊อดก็หัวเราะ

หลังจากที่พวกเราได้backing trackเป็นที่เรียบร้อย ก็แยกย้ายกันขึ้นรถเตรียมตัวกลับ ระหว่างที่ผมกำลังจะสตาร์ทรถ ก็มีเสียงเคาะที่กระจกข้างซ้ายของรถ ก๊อกก๊อก อ๊อดซึ่งนั่งอยู่ด้านนั้นเอามือหมุนกระจกลง “ตั้น กินข้าวกันมั้ย กินข้าวกัน” ปรากฏว่าเป็นพี่โอมกึ่งก้มกึ่งชะโงกหน้ามองผ่านอ๊อดมาทางผมเพื่อชวนกินข้าว พี่เหม* อนุสาร คุณะดิลก  (มือเบส พลอย,Flash)ที่เดินมากับพี่โอมก็ก้มลงมายิ้มให้กับผมแบบใจดี

พี่โอมครับขอบคุณมากครับที่ชวนผมกินข้าวแบบไม่ถือเนื้อถือตัวเลย จริงๆวันนั้นผมก็หิวนะครับ แต่ถ้าผมไปนั่งกินข้าวกับพี่โอม กับพี่เหมจริงๆ ผมคงกินไม่ลงแน่ๆครับ เพราะตื่นเต้น.


*ขอพี่เหมไปสู่สุคตินะครับ ผมจะไม่มีวันลืมรอยยิ้มของพี่ในวันนั้นเลย