ก่อนเปิดห้อง

ห้องเก็บของสำหรับผม ก็คล้ายๆเป็นที่เก็บความทรงจำมากมายหลายอย่าง ของที่ยังใช้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ของที่เสียที่ชำรุดแล้ว แต่มีค่ามากกว่าที่จะทิ้งมันไป ของเก่าๆที่ไม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รูปภาพ ม้วนเทปเพลงที่เคยแต่งเคยบันทึกไว้ง่ายๆ นานจนลืมไปแล้วว่ามีกี่เพลง เพลงอะไรบ้าง จดหมาย สมุดบันทึกในช่วงชีวิตต่างๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมากมายที่ครอบครัวผมเองก็ยังไม่เคยรู้ นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปดูมันเลย ลองเข้าไปดูกับผมมั้ย?

*ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพประกอบเรื่องราวทั้งหลายมา ณ.ที่นี้ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบปกอัลบั้มต่างๆ ทั้งภาพที่พี่ๆศิลปินส่งมาให้ ภาพเก่าที่บราเธอร์ , มาสเตอร์ หรือเพื่อนเก่าๆได้ถ่ายเอาไว้ ใครเป็นคนถ่ายบ้างก็ไม่รู้มั่วไปหมด รูปภาพที่มีผม ผมไม่ได้ถ่ายเองอยู่แล้ว แม้บางภาพจะเป็นกล้องและฟิล์มของผมเองก็ตาม


วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 11 (วัยใส)

โอกาสที่ไม่เคยหมด

ก่อนที่เรื่องราวจะล่วงเลยจากเด็กมหาวิทยาลัย ขอย้อนภาพกลับไปมองเรื่องราวในแง่มุมของดนตรีบ้างนะครับ

สมัยเรียนอยู่ชั้นปีที่1  ตอนนั้น คีรีบูน แยกวงกันแล้ว พี่โอ๋ (อาทิตย์ นามบุญศรี)มือกีตาร์วงคีรีบูน อยากฟอร์มวงขึ้นใหม่เพื่อทำอัลบั้ม จึงติดต่อกับผมผ่านทางเพื่อน เพื่อนัดเจอและคุยกันเรื่องแผนงาน ทีมนั้นมีสมาชิก3คน มีพี่โอ๋ ผม และ อีกท่านหนึ่ง เป็นนักเรียนดนตรีเครื่องsaxophone ที่วิทยาลัย บ้านสมเด็จ(ผมจำชื่อไม่ได้จริงๆ ต้องขออภัย) พี่โอ๋พาผมไปบันทึกเสียงร้องที่ Jam Studio เป็นตัวอย่างเพื่อส่งให้”เฮีย”ฟัง (พี่คนที่ทำหน้าที่ช่างเสียงวันนั้นคือพี่ อุกฤษฎ์ พลางกูร ให้การต้อนรับและพูดคุยเป็นอย่างดี) เพลงนั้นเป็นเพลงของพี่อ๊อด บรั่นดี “รอเธอ” คิดถึงบ้านน้อยเราอยู่เคียง... ผลของเดโมเทปม้วนนั้นคือ ข่าวดี แต่ข่าวดีนั้น สักพักใหญ่ๆก็เงียบหายไป พร้อมๆกับการเปิดตัวศิลปินใหม่ ปาร์ค และแจกัน


หลังจากที่พี่โหนกและเพื่อนๆวงเม็ดทรายเดินทางกลับมาจากมาเก๊าใหม่ๆ พี่โหนกก็ได้นำโอกาสดีๆมาให้ผมอีก 2 ครั้ง (คาบเกี่ยวชั้นปีที่1ขึ้นปีที่2) หลังจากวงดนตรี ซัคเซส (เจ้าของเพลง รักมั่นคง,แรงรัก) พักวง พี่สาท สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง (ซัคเซส และอดีต ดิ อินโนเซ้นท์) ต้องการหาสมาชิกเพิ่มเติมเพื่อทำอัลบั้ม ขณะนั้นในทีมมีพี่สาท พี่ต่าย และเต็น(ต่อมาเป็นมือเบสแบ็คอัพให้คุณแหวน ปัจจุบันยังคงอยู่ในวงการเพลง) ทั้งสามท่านคือสมาชิกของวงซัคเซสเดิมอยู่แล้ว เมื่อพี่โหนกรู้ข่าวก็ได้ชักชวนผมให้ไปพูดคุยกับพี่สาท และพี่สาทก็รับผมเข้าร่วมกลุ่ม จากนั้นก็เริ่มหาผู้สนับสนุน ทั้งนักจัดรายการวิทยุ(รายการสนธยาพาเพลิน), นักแต่งเพลงซึ่งตอนนั้นได้คุณสันติ เศวตวิมล เป็นที่ปรึกษา และกรุณาเปลี่ยนชื่อวงให้ใหม่ว่า หญ้าคา เพราะท่านอยากให้วงออกมาในทิศทางเพลงพื้นบ้าน มีภาษาถิ่นปน จำได้ว่าได้รับเกียรติให้ร่วมรับประทานอาหารที่บ้านของท่านด้วย เพลงเดโมที่ทำกันตอนนั้นคือ เชียงรายรำลึก และเพลงใหม่ที่มีภาษาคำเมืองปนอีกเพลงหรือสองเพลง แต่ด้วยเหตุผลใดผมก็ชักจะลืมๆไปแล้ว (อาจจะเรื่องหาทุน หรือหาค่ายอะไรสักอย่าง) พวกเราก็เงียบๆกันไป

ระหว่างนั้นผมกลับไปร่วมทำวงกับพี่โหนกแล้ว เล่นเพลงสากลแบบที่เคย มีเพลงบรรเลงสไตล์ฟิวชั่นของ Casiopia ,The Square บ้าง พวกเรารับงานกันเยอะพอสมควร ทั้งต่างจังหวัด และตามมหาวิทยาลัย มีอยู่งานหนึ่งเป็นงานที่พี่หนุ่มคีรีบูนซึ่งขณะนั้นศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าวิทยาเขตลาดกระบังติดต่อให้ไปแสดง งานนี้ประทับใจมาก พอเพลง  Halle (เพลงเอกของวง Casiopia) จบลง เสียง เฮ ก็ดังขึ้น นักศึกษาชั้นปีที่1คนหนึ่ง*กระโดดขึ้นมาบนเวทีขอจับมือและพูดชื่นชมผม ผมยังจดจำมาจนทุกวันนี้.




*ได้มารู้ทีหลังว่านักศึกษาท่านนั้นเป็นใคร ก็ตอนที่ผมได้เล่าเรื่องประทับใจนี้ให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่โรงเรียนดนตรีศศิลิยะฟังหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป 4ปี บังเอิญพี่โอ๋ เจษฎา สุขทรามร (ซีเปีย ตอนนั้นยังไม่ได้ทำวงซีเปีย)ซึ่งขณะนั้นรับงานสอนดนตรีเป็นอาจารย์พิเศษ* เดินผ่านมาได้ยิน พี่โอ๋ก็พูดขึ้นว่า “คุณรู้ไหม นักศึกษาคนนั้นน่ะ ผมเอง”


*หลังจากที่พี่โอ๋สอนดนตรีแบบตัวต่อตัวให้ผมในคอร์สที่2 ไปเจ็ดครั้ง พี่โอ๋ก็เดินทางไปเล่นดนตรีให้กับวงหมไทยที่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ พอพี่โอ๋กลับมา พี่โอ๋บอกกับผมว่า “ผมไม่มีอะไรจะสอนคุณแล้ว” (อ้าว...แล้วอีกห้าครั้งที่เหลือล่ะครับพี่ - -‘)