ก่อนเปิดห้อง

ห้องเก็บของสำหรับผม ก็คล้ายๆเป็นที่เก็บความทรงจำมากมายหลายอย่าง ของที่ยังใช้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ของที่เสียที่ชำรุดแล้ว แต่มีค่ามากกว่าที่จะทิ้งมันไป ของเก่าๆที่ไม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รูปภาพ ม้วนเทปเพลงที่เคยแต่งเคยบันทึกไว้ง่ายๆ นานจนลืมไปแล้วว่ามีกี่เพลง เพลงอะไรบ้าง จดหมาย สมุดบันทึกในช่วงชีวิตต่างๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมากมายที่ครอบครัวผมเองก็ยังไม่เคยรู้ นานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปดูมันเลย ลองเข้าไปดูกับผมมั้ย?

*ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพประกอบเรื่องราวทั้งหลายมา ณ.ที่นี้ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบปกอัลบั้มต่างๆ ทั้งภาพที่พี่ๆศิลปินส่งมาให้ ภาพเก่าที่บราเธอร์ , มาสเตอร์ หรือเพื่อนเก่าๆได้ถ่ายเอาไว้ ใครเป็นคนถ่ายบ้างก็ไม่รู้มั่วไปหมด รูปภาพที่มีผม ผมไม่ได้ถ่ายเองอยู่แล้ว แม้บางภาพจะเป็นกล้องและฟิล์มของผมเองก็ตาม


วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เกือบไป

ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมอายุประมาณ7-8ขวบ นึกอะไรก็ไม่ทราบตามภาษาเด็กนะครับ ฟังวิทยุFMไม่ชัด ปรับเสาอากาศหมุนไปหมุนมายังไงก็ไม่ชัด ผมพาลคิดไปถึงวิทยุแร่ (วิทยุหูฟังเล็กๆมีสายหัวหนีบเป็นเหล็ก ไว้เพื่อเอาไปหนีบกับโลหะต่างๆให้เกิดเสียง รับได้คลื่นเดียวปรับช่องไม่ได้)ที่พี่ชายของผมเคยเอามาเล่น คือมันเกี่ยวกับโลหะ กับสายสัญญาน ตรรกะไหนไม่ทราบถึงทำให้ผมเอาเข็มหมุดที่ใช้ขึ้นแบบผ้าของแม่ มาทิ่มเข้าไปที่สายไฟของวิทยุเครื่องนั้น ไฟดูดสิครับ ไฟฟ้า220Vไหลผ่านเข็มหมุดเข้ามาที่ตัวผม จำความรู้สึกนั้นได้เลย ตัวมันสั่น ชา จะบอกว่าเจ็บตรงปลายนิ้วก็ไม่เชิง หัวมันจะเกร็ง ขนลุก โดนไฟดูดอยู่นานพอสมควร ไม่มีใครอยู่บ้านเลย “ตายแน่” ผมคิด สะบัดหลายครั้งก็ไม่หลุดครับ จนครั้งสุดท้ายก่อนจะถอดใจ ผมรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี กระชากสุดแรงจนวิทยุเครื่องนั้นหล่นลงมากองที่พื้นพร้อมกับที่มือของผมก็หลุดออกจากสายไฟ เรื่องนี้แม่ผมไม่เคยรู้

อีกครั้งหนึ่ง ตอนเรียนชั้น ม.3(พ.ศ.2525) ผมเป็นเด็กว่ายน้ำไม่เป็นครับ แม่ก็เลยพาผมไปเรียนว่ายน้ำกับครูที่สระว่ายน้ำแถวๆสะพานควาย ตอนนั้นในกลุ่มมีหลายคนนะครับทั้งหญิงทั้งชาย มาจากหลายๆโรงเรียน ที่มาจากโรงเรียนรุจิก็เยอะ(ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง) คอร์สหนึ่งเรียนสิบครั้ง ระหว่างเรียนก็สนุกดีครับ เพื่อนเยอะดี มีความมั่นใจจนพอจะว่ายน้ำข้ามฝั่งสระได้ ลอยตัวได้ เรื่องมาเกิดวันสุดท้ายนี่ล่ะ จบคอร์สครูก็หมดห่วง หลังจากหมดเวลา ครูปล่อยให้พวกเราว่ายน้ำเล่นกันจนหนำใจ นานเท่าไรไม่ทราบ รู้แต่ว่าจำนวนเพื่อนในสระค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆจนเหลือผมเป็นคนสุดท้ายกับเด็กน้อยห่วงยางอีกคนหนึ่ง(ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเรียน) เด็กคนนี้คุ้นกับผมดีเพราะเจอกันทุกครั้ง ด้วยความที่คุ้นกันเลยคงอยากเล่นกับผม ในขณะที่ผมกำลังว่ายน้ำข้ามฝั่งซึ่งคิดในใจว่าคงเป็นรอบสุดท้ายเพราะกลัวแม่รอนาน พอว่ายผ่านหน้าเด็กคนนั้นผมก็รู้สึกได้ถึง มือ มีมือมากดหัวผม ด้วยความตกใจ ลมจึงถูกปล่อยออกหมด นาทีนั้นทำอะไรไม่ถูกครับ ตะเกียกตะกายเพื่อจะขึ้นมาหายใจให้ได้ ถึงผิวน้ำทีก็ชูไม้ชูมือให้คนช่วยที ไม่มีใครเลยนอกจากแม่ที่กำลังยืนคุยกับใครสักคน ผมเห็นแม่อยู่ไกลๆ ทำแบบนั้นจนหมดแรงน่ะครับ ตัวผมค่อยๆดิ่งลงก้นสระ น้ำเย็นๆเห็นแต่สีฟ้าๆกับหน้าแม่ในความคิด ตอนนั้นผมถอดใจแล้ว สักพักได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำโครมใหญ่ ครู่เดียวครูของผมก็ดึงตัวผมขึ้นสู่ผิวน้ำและว่ายน้ำพาผมไปยังขอบสระ ครูถามผมเพื่อเช็คสภาพ ผมยังมีสติ กินน้ำเข้าไปไม่เยอะ ครูเลยบอกให้ผมไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาหาแม่ แม่ผมถามผมว่า เหนื่อยแล้วหรือไม่ว่ายน้ำต่อหรือ? แน่นอน...ถ้าแม่ถามผมด้วยคำถามนี้ แสดงว่าแม่ผมไม่รู้ - -‘