มารใหญ่ มารน้อย
ภายในตัวบ้านของพี่บุ๋มส่วนหนึ่งถูกตกแต่งให้เป็นห้องบันทึกเสียงขนาดใหญ่*และทันสมัยที่สุดห้องหนึ่งในเวลานั้น
บอร์ดMixยาวเกินสุดแขน เรียกว่าจนถึงปัจจุบันนี้
ห้องบันทึกเสียงที่ผมเคยไปมาทั้งหมดส่วนใหญ่ยังเล็กกว่าห้องนี้ สุนัขอัลเซเชี่ยน*ตัวใหญ่ใจดีสองตัววิ่งไปวิ่งมาสร้างบรรยากาศสบายๆ
ผมติดตามพี่เปี๊ยกไปที่นั่นสัปดาห์ละสามถึงสี่ครั้งโดยประมาณ เพราะอัลบั้มของพี่บิ๊กที่พี่เปี๊ยกรับผิดชอบยังไม่เสร็จสิ้นดี
จึงต้องแบ่งเวลา
ผมเสนอทำนองเพลงร๊อคซึ่งบันทึกง่ายๆจากห้องนอนที่บ้านให้พี่บุ๋มฟัง3เพลง(ถ้าจำไม่ผิด) ผลสรุป
ผ่านทั้งหมด จนพี่บุ๋มตั้งฉายาให้ผมเล่นๆว่า มารน้อย “ฉัน*เป็นมารใหญ่
เธอเป็นมารน้อย” แล้วแกก็หัวเราะเสียงดังตามสไตล์ ผมดีใจมากที่นักดนตรีรุ่นใหญ่ชอบทำนองเพลงของผมและทำให้ผมนึกออกว่าผมยังมีงานเพลงที่ร่วมทำไว้กับเพื่อนมหาวิทยาลัยของผม
ประสิทธิ์ (คนที่ชวนผมเล่นลำตัด
และทำเพลงให้คณะนั่นล่ะครับ) ก่อนหน้านั้นประสิทธิ์แต่งกลอนมาให้ผมดู
และร้องให้ผมฟังเป็นทำนองคล้ายๆเพลงฉ่อย ชื่อ อกสามศอก
พูดถึงเรื่องราวของชายหนุ่มตัวเล็กๆ กล้ามไม่มี แต่พยายามทำดีเพื่อสังคม
ผมได้ดูและได้ฟังจากปากของประสิทธิ์ครั้งแรกผมชอบมาก
แต่ทำนองฉ่อยมันจะไม่มีความเคลื่อนไหวด้าน Chord ยากต่อการสร้างฮาร์โมนี่
ผมเลยจับมาดัดทำนองให้ดิ้น และมีลีลาสากลมากขึ้น โดยคงบรรยากาศความเป็นไทยๆไว้
ผมเล่าถึงเพลงนี้ให้พี่บุ๋มฟัง(แบบที่เล่าไปข้างต้นล่ะครับ) พี่บุ๋มสนใจมาก
รุ่งขึ้นผมนำเดโมเทปจากบ้านกลับไปนั่งเปิดฟังกัน
พี่บุ๋มชอบถึงขนาดว่าจับให้เป็นเพลงแรกๆในการเริ่มต้นทำไกด์ดนตรีสำหรับอัลบั้มของพี่บุ๋มกับFoxเลยทีเดียว*
ผมได้เห็นวิธีการทำงานกับบทเพลงเพลงนี้ใหม่ทั้งหมด พี่เปี๊ยกเรียบเรียงดนตรี
พี่บุ๋มใส่ไลน์กีตาร์คร่าวๆไว้แล้ว พี่ตุ้ม สุทธิเมศ เหล็กกล้า บันทึกเสียงร้องตามไกด์เสียงของผมซึ่งพี่บุ๋มควบคุมแบบให้เกียรติ
คำต่อคำ
ทุกๆวันที่ไป ช่วงหัวค่ำผมมีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับพี่บุ๋มและพี่เปี๊ยกหลายครั้ง
ได้พูดคุยเรียนรู้ประสบการณ์ทั้งดนตรีและเรื่องทั่วๆไป
เรื่องหนึ่งที่ยังอยู่ในใจตลอดมาคือเรื่องของ พี่น้ำพุ พี่ชายของพี่หนู(ภรรยาของพี่บุ๋มในขณะนั้น
พี่น้ำพุและพี่หนูคือลูกของ สุวรรณี สุคนธา นักเขียนชื่อดัง)
พี่บุ๋มบอกให้ผมสังเกต ว่าเวลาทุ่มเศษๆของทุกๆวันจะมีสุนัขหอนรับช่วงต่อๆกันจากหน้าปากซอยลาดพร้าวมาจนถึงบ้านแก
ซึ่งก็จริง ตอนนั้น เวลาทุ่มสิบกว่านาที บนโต๊ะอาหารซึ่งพวกเรายังไม่เรียบร้อยกันดี
พี่บุ๋มบอก “ฟังสิ” เสียงสุนัขหอนไล่มาจากด้านปากซอยจริง
จนมาสุดที่อัลเซเชียลสองตัวในบ้าน “พี่น้ำพุมา” เหมือนแกรู้ว่าผมอยากรู้
“มาเธอตามฉันมา*” แล้วพี่บุ๋มก็เดินนำผมก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบน มาหยุดอยู่ที่โต๊ะหมู่บูชา
“อ่ะ กราบพี่น้ำพุสิ”
จากนั้นเราก็ลงมานั่งคุยกันต่อที่ด้านล่าง พี่บุ๋มนำกีตาร์*ออกมาให้ผมดูและลองเล่นหลายตัว
รวมถึงกีตาร์ ปมมะค่า ที่แกใช้บันทึกเสียงในอัลบั้ม ศรัทธา
ปมมะค่าที่ขุดใส่รถจากชายแดนไทย-พม่า มาตัดประกอบเป็นตัวกีตาร์ที่เมืองไทย.
*ซาวด์เอนจิเนียประจำห้องขณะนั้นชื่อ พี่ปู
ต่อมาย้ายไปทำงานที่ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย
*มือเบสช่วงนั้นถ้าจำไม่ผิดคือพี่เปิ๊ด มิติ ปัจจุบัน The Sun
*แรงบันดาลใจให้ผมเลี้ยงอัลเซเชียลเป็นสุนัขคู่แรกในชีวิต หลังจากนั้น8ปี
*พี่บุ๋มจะแทนตัวเองว่าฉัน และแทนผมว่าเธอ
*จากวันนั้นอีกไม่นาน การทำอัลบั้มนี้ก็สิ้นสุดโดยที่ยังไม่เสร็จ
*กีตาร์ Paul Reed Smith 3ตัวแรกในเมืองไทย ถูกส่งมาพร้อมกันโดยการสั่งซื้อของพี่บุ๋ม
ซึ่งพี่บุ๋มใจดีให้โอกาสผมได้สัมผัสเป็นคนแรกๆ