แอบ
พี่ชายผมมารู้อีกที ผมก็เล่นกีตาร์ได้แล้ว ด้วยกีตาร์โปร่ง Kimus ที่ห่อพลาสติกอย่างดีในกล่องกระดาษของเขา
แต่จริงๆผมว่า เขาก็คงรู้ล่ะ ว่าผมแอบเอากีตาร์ของเขาออกมาหัดเล่น แต่ไม่พูด
ด้วยความที่เป็นคนรักน้อง (ปัจจุบันก็ยังคงเป็นคนรักน้องอยู่เสมอ ) ขนาดแม่
สั่งและกำชับเป็นหนักเป็นหนา ว่า
“ห้ามเปิดของเฮียออกมาเล่นนะ” เพราะกลัวเด็กเล็กๆวัยสิบขวบอย่างผมจะทำกีตาร์ของพี่ชายพัง
ผมก็ได้แต่อาศัยช่วงจังหวะที่แม่เผลอ ออกไปจ่ายตลาดตอนเย็นๆที่ร้านเฮียหงี
(เป็นร้านขายของสดและของชำที่มีแมวเยอะมาก ผมยังเคยขอแมวเหลืองๆลายเสือ
อุ้มกลับมาเลี้ยงตัวหนึ่ง ตั้งชื่อให้ภายหลังว่าเจ้า ท้วม ) แผนการคือ หลังจากที่ผมขึ้นรถประจำทาง*กลับมาถึงบ้านแล้ว ก็จะขึ้นไปอยู่บนชั้นสองของบ้าน
รอฟังเสียงประตูเหล็กรูดออก และดันชนกันดัง กรึ่งงง ก็ถึงเวลาปฏิบัติการ เปิดกล่อง
ทันที ทำแบบนี้อยู่เป็นเดือนๆ เจ็บนิ้วสุดๆแต่ก็ต้องทน
จนจับคอร์ดได้มากพอสมควรตามหนังสือเพลง The Guitar วันหนึ่งพี่ชายก็รู้ว่าผมเล่นกีตาร์ได้
และได้แนะนำการเล่นเพิ่มเติมให้ผมอีกมากมาย ทั้งการจับคอร์ดยาก คอร์ดพาด
และจุดที่เป็นเสียงเบสของคอร์ดต่างๆ (...อืมเสียงเบสก็เพราะดีนะ ) ตอนนั้นพี่ชายของผม
เป็นมือกลองวงดนตรีของคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัย มหิดล มีเพื่อนร่วมวงที่เป็นมือออร์แกนชื่อ
พี่ไก่ พี่ไก่มีน้องชายชื่อ แอร์ (จิรสวัสดิ์
สุรฤทธิ์ธำรงค์)ซึ่งเรียนอยู่ห้องเรียนเดียวกันกับผมที่โรงเรียน เซนต์คาเบรียล
ถามไปถามมา รู้ว่า แอร์ (ซึ่งเพื่อนๆเรียกว่า เป็ด )ชอบตีกลอง และมีกลองชุดที่บ้าน
เพื่อนตัวน้อยๆจึงคุยกันอยากจะทำวงดนตรี โดยมีเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งชื่อ เอ็ม
(คณาสิต ณ.หนองคาย เพื่อนๆเรียก ฟู ) ซึ่งเอ็มจะถูกมาสเตอร์(ครู)เชิญขึ้นเล่นกีตาร์ร้องเพลงบ่อยๆ
รอบกองไฟค่ายลูกเสือ มาเป็นมือกีตาร์.
กีตาร์ตัวที่พิงฝาอยู่หลังสุด คือกีตาร์ตัวแรกของที่บ้าน ภาพนี้ถ่ายปี พ.ศ.2526 หัวกีตาร์ชำรุดแล้ว
*ผมเริ่มขึ้นรถประจำทางจากหน้าโรงเรียนกลับบ้านเองตั้งแต่ช่วงปิดเทอมใหญ่ชั้น
ป.3 เนื่องด้วยวันหนึ่ง แม่ นั่งคุยอยู่กับอี๊ (น้าสาว ) อย่างสนุกสนาน จนลืมไปรับผมกลับจากโรงเรียน
จำได้ว่าตอนผมกลับถึงบ้าน ผมตรงเข้าไปทักแม่กับอี๊ แม่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าลืมไปรับผม